วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
เมื่อเรากลายเป็น "ของมัน" โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
ใน ข่าวสารกัลยาธรรม ฉบับที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓, หน้า ๑๕
เคยสังเกตไหมว่าเวลาเพื่อนทำกระเป๋าเงินหาย
เราสามารถสรรหาเหตุผลมาได้มากมายเพื่อช่วยให้เธอทำใจ
(ยังดีที่ไม่เสียมากกว่านี้,ถือว่าใช้กรรมก็แล้วกัน,เงินทองเป็นของนอกกาย ฯลฯ)
ในทำนองเดียวกันเวลา เพื่อนอกหัก ถูกแฟนทิ้ง
เราก็รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรเพื่อให้เธอปล่อยวาง
แต่เวลาเราประสบเหตุอย่างเดียวกัน กลับทำใจไม่ได้
เอาแต่เศร้าซึมจ่อมจมอยู่กับความสูญเสีย
คำแนะนำดี ๆ ที่ให้กับเพื่อนกลับเอามาใช้กับตัวเองไม่ได้
บ่อยครั้งก็นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะทำใจอย่างไร
ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุที่เราสามารถแนะนำเพื่อนได้อย่างฉาดฉาน
ก็เพราะเงินของเพื่อน ไม่ใช่เงินของฉัน แฟนของเพื่อน ไม่ใช่แฟนของฉัน
เราจึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเท่าใดนัก ปัญญาจึงทำงานได้เต็มที่
แต่เมื่อใดที่เหตุร้ายเกิดกับเงินของฉัน หรือกับแฟนของฉัน
อารมณ์จะท่วมท้นใจจนนึกอะไรไม่ออก
ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังเท่ากับคำว่า “ของฉัน”
ไม่ว่าความวิบัติจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม หากมันไม่เกี่ยวข้องกับ “ของฉัน”
เราก็ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาด้วย แต่ทันทีที่มีอะไรมากระทบกับ “ของฉัน” แม้เล็กน้อยเพียงใด
มันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
หลายคนดูข่าวแผ่นดินไหวในอิหร่านที่มีคนตายนับแสนคนด้วยความรู้สึกเฉย ๆ
แต่จะขุ่นเคืองไปทั้งวันเมื่อพบว่ารถของตนมีรอยขีดข่วนที่ตัวถัง
สาเหตุที่ผู้คนยอมเหนื่อยยากทำงานตัวเป็นเกลียว
ก็เพื่อรักษาและเพิ่มพูน “ของฉัน”ให้มากที่สุด
ความยึดอยากให้ทุกอย่างเป็น “ของฉัน”ทำงานอยู่ในส่วนลึกของจิตใจตลอดเวลา
แม้เก้าอี้ในโรงหนังที่เพิ่งมานั่งได้ไม่กี่นาที
เราก็เรียกว่า “เก้าอี้ของฉัน”ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
แต่เราเคยสังเกตไหมว่า ทันทีที่ยึดอะไรก็ตามว่าเป็น “ของฉัน”
เรากลายเป็น “ของมัน”ไปทันที
เราจะยอมทุกข์เพื่อมัน
ถ้าใครวิจารณ์เสื้อของฉัน ตำหนิรถของฉัน เราจะโกรธและจะแก้ต่างให้มัน
บางครั้งถึงกับแก้แค้นแทนมันด้วยซ้ำ
ถ้าเงินของฉันถูกขโมย เราจะทุกข์ข้ามวันข้ามคืนทีเดียว
คนจำนวนไม่น้อยยอมตายเพื่อรักษาสร้อยเพชรไว้ไม่ให้ใครกระชากเอาไป
บางคนยอมเสี่ยงชีวิตฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้านเพราะกลัวอัญมณีจะถูกทำลายวายวอด
ฉะนี้แล้วควรจะเรียกว่ามันเป็น “ของฉัน” หรือฉันต่างหากที่เป็น “ของมัน”
เป็นเพราะหลงคิดว่ามันเป็น “ของฉัน” ผู้คนทั้งโลกจึงกลายเป็น “ของมัน”ไปโดยไม่รู้ตัว
มีชีวิตอยู่ก็เพื่อมัน ยอมทุกข์ก็เพื่อมัน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด
แต่ก็ใช้เวลาไปอย่างไม่เสียดายก็เพื่อมัน
ซ้ำร้ายกว่านั้นหลายคนยอมทำชั่ว อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณก็เพื่อมัน
ยิ่งยึดมั่นว่าทรัพย์สมบัติเป็นของฉัน เรากลับกลายเป็นทาสของมัน
จิตใจนี้อุทิศให้มันสถานเดียว
เศรษฐินีเงินกู้คนหนึ่ง เป็นโรคอัลไซเมอร์ในวัยชรา จำลูกหลานไม่ได้แล้ว
แต่สิ่งเดียวที่จำได้แม่นก็คือสมุดจดบันทึกทรัพย์สิน
ทุกวันจะหยิบสมุดเล่มนี้มาพลิกดูไม่รู้เบื่อ
แม้ลูกหลานจะชวนสวดมนต์หรือฟังเทปธรรมะ ผู้เฒ่าก็ไม่สนใจ
จิตใจนั้นรับรู้ปักตรึงอยู่กับเงินทองเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อสิ้นลมผู้เฒ่าจะนึกถึงอะไรและจะไปสุคติได้หรือไม่
ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมายเพียงใด
เมื่อตายไปก็ไม่มีใครเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว
นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัติ
แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ หากหวงแหนติดยึดมันแม้กระทั่งในยามสิ้นลม
มันก็สามารถฉุดลงอบายได้
ถ้าไม่อยากเป็น “ของมัน” ก็ควรถอนความสำคัญมั่นหมายว่ามันเป็น “ของฉัน”
การให้ทานเป็นวิธีการเบื้องต้นในการฝึกจิตให้ถอนความสำคัญมั่นหมายดังกล่าว
ถ้าให้ทานอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเท่านั้น
หากยังเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้
ประโยชน์ประการหลังมิได้หมายถึงความมั่งมีศรีสุขในอนาคตเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือช่วยลดความยึดติดในทรัพย์ “ของฉัน”
แต่อานิสงส์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราให้โดยไม่ได้หวังอะไรกลับคืนมา
หากให้เพื่อมุ่งประโยชน์แก่ผู้รับเป็นสำคัญ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
และเมื่อให้ไปแล้วก็ให้ไปเลย โดยไม่คิดว่าของนั้นยังเป็นของฉันอยู่
(หรือเฝ้ามองว่าทำไมหลวงพ่อยังไม่ฉันอาหาร “ของฉัน”)
การให้ทานและเอื้อเฟื้อเจือจานเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่จิตใจ
ทำให้ไม่ทุกข์เมื่อประสบความสูญเสีย
ในทางตรงข้ามคนที่ตระหนี่ แม้จะมีความสุขจากเงินทองที่พอกพูน
แต่หารู้ไม่ว่าจิตใจนั้นพร้อมที่จะถูกกระทบกระแทกในยามเสียทรัพย์
แม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นก็ตาม
ชาวอินเดียผู้หนึ่งเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก
วันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่าเธอปวดท้องและปวดศีรษะมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล
หมอจึงสั่งตรวจเลือดและทำอุลตร้าซาวด์ เพราะเกรงว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ
พอรู้เช่นนี้เขาจึงสั่งให้ภรรยารีบหนีออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น
แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปด่าหมอว่าเห็นแก่เงิน สั่งตรวจเลือดและทำอุลตร้าซาวด์โดยไม่จำเป็น
หมอพยายามอธิบายอย่างไรเขาไม่ยอมเข้าใจ
ต่อมาเขามีเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเดียวกันนั้นเพื่อผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
เขาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันเนื่องจากมีการติดเชื้อ
ค่าใช้จ่ายจึงเป็นจำนวนมาก
วันสุดท้ายที่เขาอยู่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้มาเก็บเงินจากคนไข้ถึงในห้อง
ทันที่เขาเห็นตัวเลขค่าใช้จ่าย ก็เกิดอาการช็อคและสิ้นลมคาเตียง
เงินนั้นมีไว้ใช้ แต่เมื่อใดที่เผลอใจกลายเป็นของมันไป
มันก็สามารถทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น